ERP หรือ Enterprise Resource Planning (การวางแผนทรัพยากรองค์กร) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในธุรกิจและองค์กรเพื่อการจัดการและควบคุมทรัพยากรต่าง ๆ ในองค์กร รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านการเงิน การผลิต การคลังสินค้า การขาย และการบริหารทรัพยากรบุคคล โดยระบบ ERP ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและประมวลผลข้อมูลเพื่อให้มีการตัดสินใจที่มีความรู้สึกมั่นใจและทันเวลา นอกจากนี้ยังช่วยลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการธุรกิจ ช่วยเพิ่มความเป็นมาตรฐาน และช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
ตัวอย่างของโมดูลที่มักพบในระบบ ERP
1.การบัญชีและการเงิน จัดการรายได้ รายจ่าย บัญชีเงินเดือน และการเงินทั่วไปขององค์กร
2.การผลิตและคลังสินค้า ควบคุมกระบวนการผลิต การจัดเก็บคลังสินค้า และการจัดส่งสินค้า
3.การขายและการบริการ จัดการคำสั่งซื้อ การขาย และการบริการลูกค้า
4.การบริหารทรัพยากรบุคคล จัดการข้อมูลพนักงาน การจ้างงาน และประสานงานทรัพยากรบุคคล
5.การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM)บันทึกข้อมูลลูกค้า การติดต่อ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
ERP มีความสำคัญอย่างไร
ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) มีความสำคัญอย่างมากในองค์กรในหลายด้าน เพราะมันช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนในธุรกิจ
1.การบริหารข้อมูลที่สมบูรณ์: ERP ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและโมดูลต่าง ๆ ในระบบเดียวกัน ทำให้มีข้อมูลที่ถูกต้องและประสิทธิภาพสำหรับการตัดสินใจ
2.การลดความซ้ำซ้อน: ERP ช่วยลดการทำงานที่ไม่จำเป็นและการบันทึกข้อมูลซ้ำซ้อน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร
3.การควบคุมทรัพยากร: ERP ช่วยในการจัดการทรัพยากรองค์กร เช่น การบริหารคลังสินค้า การจัดการคลังสินค้า และการบริหารทรัพยากรบุคคล
4.การประหยัดค่าใช้จ่าย การทำงานแบบอัตโนมัติและควบคุมทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดค่าใช้จ่ายในองค์กร เช่น ค่าพนักงานเพิ่มเติม ค่าสินค้าถือครอง และค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิต
5.การเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจERP ช่วยให้ผู้บริหารมีข้อมูลที่ถูกต้องและเปรียบเทียบได้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ทำให้สามารถกำหนดยุทธวิธีและแผนยุทธการอย่างมีประสิทธิภาพ
6.การติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานERP ช่วยในการติดตามและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานขององค์กร ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการและยังตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้อย่างรวดเร็ว
7.การปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยี ERP มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ ซึ่งช่วยให้องค์กรเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน
ผลกระทบเชิงลบของ ERP
1.ความซับซ้อนในการนำเข้าและการใช้งาน การนำเข้าระบบ ERP อาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการกำหนดค่าและปรับปรุงระบบให้เหมาะสมกับองค์กร นี้อาจทำให้เกิดความรบกวนและความสับสนในระหว่างระหว่างการดำเนินการ
2.ค่าใช้จ่ายสูง การลงทุนในระบบ ERP สามารถมีค่าใช้จ่ายสูงมาก รวมถึงค่าซอฟต์แวร์ตัวเอง ค่าบริการที่เกี่ยวข้อง และค่าการฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งอาจเป็นภาระทางการเงินสำหรับบางองค์กร
3.ความไม่เสถียรภาพ การดำเนินระบบ ERP อาจสร้างปัญหาทางเทคนิค และเกิดความไม่เสถียรภาพในระบบ IT ขององค์กร นี่อาจส่งผลให้มีปัญหาในการใช้งานและความพร้อมใช้งาน
4.การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน การใช้ระบบ ERP อาจต้องการการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานขององค์กร เพื่อให้เข้ากับโครงสร้างและแนวทางที่มีในระบบ ERP นี้ การปรับเปลี่ยนนี้อาจเป็นอุปสรรคสำหรับบางคนในองค์กรที่ไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
5.การสูญเสียข้อมูล การนำเข้าข้อมูลสำคัญลงในระบบ ERP อาจมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียข้อมูลหรือทำให้ข้อมูลเสียหาย นั่นคือทำไมต้องมีการสำรองข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนการนำเข้า
6.การเปลี่ยนแปลงองค์กร ERP สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและโครงสร้างองค์กร นี่อาจส่งผลให้พนักงานต้องปรับตัวและเรียนรู้ระบบใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจและความต้านทานในหมู่พนักงาน
7.ปัญหาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ERP มักเก็บข้อมูลสำคัญขององค์กรในระบบเดียวกัน นี่อาจเป็นปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความปลอดภัยของข้อมูล หากไม่มีการควบคุมและความรับผิดชอบที่ดีเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูล